การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำนิ่งแตกต่างจากการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำวนอย่างไร
ปัจจุบันนี้จะกินอาหารอะไรก็ต้องระวังให้มาก แม้แต่พืชผักผลไม้ นั่นเพราะชาวไร่ชาวสวนหลายคนฉีดพ่นสารเคมี ยาฆ่าแมลง เพื่อให้ได้ผลผลิตงามๆ ใบสวยๆ เห็นแล้วช่างน่ากินเสียจริงๆ ทำให้พืชผักเหล่านั้นมีสารพิษตกค้าง เพราะแบบนี้ก็เลยทำให้หลายคนหันมาปลูกผักทานกันเอง จะได้มั่นใจว่าปลอดภัยไร้สารพิษร้อยเปอร์เซ็นต์
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์หลักๆ แล้วจะมี 2 แบบ คือ
- การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำวน เป็นระบบที่ให้น้ำที่ผสมสารละลายธาตุอาหารพืชไหลผ่านรากพืชเป็นแผ่นบางๆ บนรางปลูกอย่างต่อเนื่อง รางปลูกจึงต้องมีความลาดเอียงเพื่อให้แผ่นน้ำที่ไหลผ่านมีความบางคล้ายฟิล์ม
- ข้อดีของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำวน
- ไม่ยุ่งยากต่อการดูแล และการจัดการ
- ผักมีอายุการเก็บเกี่ยวที่สั้นกว่าระบบน้ำนิ่ง
- ง่ายต่อการพยากรณ์ในการลงผักรอบต่อไป
- ข้อเสียของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำวน
- ยากต่อการตั้งโต๊ะให้ได้ระดับ
- อุปกรณ์ที่ใช้ส่วนมากเป็นอุปกรณ์เฉพาะ ราคาสูง
- ไฟฟ้ามีส่วนสำคัญต่อการปลูกพืชถ้าไฟดับนานๆน้ำในระบบจะแห้งชนบทชอบมีปัญหานี้
- การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำนิ่ง เป็นระบบที่ปลูกพืชโดยรากแช่อยู่ในสารละลาย โดยจะมีการปลูกพืชบนแผ่นโฟมหรือวัสดุที่ลอยน้ำเพื่อยึดลำต้น ระบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบไฮโดรโปนิกส์ลอยน้ำ ระบบนี้นิยมปลูกโดยทั่วไปและสามารถประยุกต์รางปลูกได้จากวัสดุที่หลากหลาย เช่นท่อน้ำ กล่องโฟม ถังน้ำ หรือแม้กระทั่งขวดพลาสติก ก็สามารถทำได้ ซึ่งการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำนิ่งนี้ได้รับความนิยมจากผู้ที่สนใจอยากจะปลูกผักกินเองที่บ้านหรือปลูกเป็นงานอดิเรกพอสมควร เพราะไม่ยุ่งยากจนเกินไป
- ข้อดีของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำนิ่ง
- หาซื้อวัสดุที่นำมาปลูกได้ง่าย ประหยัด สามารถนำมาดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ในการปลูก เช่น ลังพลาสติก กล่องโฟม อ่างน้ำพลาสติก ถังน้ำ ขวดน้ำ ฯลฯ
- ไม่มีปัญหาเมื่อเกิดไฟฟ้าดับและหมดปัญหาเรื่องการขาดน้ำ ที่สำคัญประหยัดไฟ
- เหมาะสำหรับมือใหม่หัดปลูกที่ไม่ต้องการลงทุนเยอะในระบบปลูก สามารถทดลองทำได้ง่าย
- ข้อเสียของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำนิ่ง
- ต้องคอยปรับระดับน้ำให้เหมาะสมกับอายุพืช เพราะพืชต้องการปริมาณออกซิเจนที่รากมากขึ้น ทำให้ต้องปรับลดระดับน้ำที่ใช้เพื่อให้เกิดพื้นที่อากาศระหว่างรากกับผิวน้ำเพิ่มขึ้น ถ้าทำการปรับไม่เหมาะสม จะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตได้
- ต้องมีควรเข้าใจเรื่องการใส่ปุ๋ยและเปลี่ยนน้ำ ตามความต้องการของพืชในแต่ละช่วงอายุมากขึ้นกว่าการปลูกด้วยระบบน้ำวน
- พืชจะเจริญเติบโตได้ช้ากว่าระบบน้ำวน ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ล่าช้าหรือไม่สมบูรณ์เท่ากับการปลูกพืชแบบน้ำวน
หลักในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ทั้งแบบน้ำนิ่งและแบบน้ำวนของระบบไฮโดรโปนิกส์นั้นยังคงยึดหลักเหมือนกันคือ การปลูกในน้ำอย่างไรให้พืชเจริญเติบโตได้เป็นปกติ จึงต้องอาศัยความเข้าใจว่าพืชต้องการอะไรบ้างในการเจริญเติบโต ซึ่งหลักๆ ก็คือ น้ำ ปุ๋ย อากาศ แสงแดด และที่ยึดเกาะราก ซึ่งถ้าเทียบด้วยระบบน้ำนิ่งและน้ำวนแล้ว ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ อากาศที่อยู่ในน้ำนั่นเอง ดังนั้นพืชระบบไฮโดรโปนิกส์ก็ไม่แตกต่างกัน พืชที่ใช้ระบบน้ำวนสามารถเจริญเติบโตได้ดีกว่า เนื่องจากน้ำที่วนในระบบนั้นทำให้เกิดอากาศในน้ำ เป็นผลดีต่อพืชทั้งยังทำให้น้ำไม่เน่าเสียอีกด้วย